แบบบ้านสําเร็จรูป ทางเลือกใหม่ ๆ ในการสร้างบ้าน
แบบบ้านสําเร็จรูป (Finished Home) คือ บ้านที่นำชิ้นส่วนแต่ละส่วนของบ้าน มาประกอบปะติดปะต่อกันเป็นตัวบ้านที่สำเร็จแล้วมาตั้งแต่โรงงาน โดยจะใช้ผนังในการรับน้ำหนักตัวบ้านแทนเสา และคาน สามารถออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านได้ทุกรูปแบบ ไม่แพ้กับการสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูนทั่วไป ส่วนใหญ่แล้ว บ้านจะมีขนาดเล็กกระทัดรัด สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ ระยะเวลาการก่อสร้างก็รวดเร็ว ประมาณ 1 เดือนตัวบ้านก็ประกอบกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และระยะเวลาติดตั้งบนที่ดินของเรา ไม่เกิน 3 วัน ก็สามารถขนของย้ายเข้าอยู่ได้เลย
แบบบ้านสําเร็จรูป มีแบบไหนบ้าง?
บ้านสำเร็จรูปที่นิยมกันในตอนนี้ จะมี 2 แบบด้วยกัน “บ้านน็อคดาวน์” และ “บ้านจากตู้คอนเทนเนอร์”
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของบ้านสำเร็จรูป 2 แบบนี้ก็คือ วัสดุที่ใช้สร้างนั่นเอง ถ้าเป็นบ้านน็อคดาวน์ วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่ จะเป็นเหล็ก หรือไม้ นำมาประกอบ ๆ กันเป็นรูปแบบบ้านแล้วแต่ดีไซน์ขึ้นมา แต่ถ้าหากเป็นบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสร้างมาจากตู้คอนเทนเนอร์ ที่ใช้ขนส่งสินค้านั่นเอง ซึ่งก็จะมีรูปแบบเป็นห้องเหลี่ยม ๆ แบบทรงตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก็มีความแข็งแรงมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็มีการพัฒนาการสไตล์บ้านตู้คอนเทนเนอร์ให้สวยงามขึ้นมาไม่แพ้แบบบ้านทั่วไปอยู่เหมือนกัน
บ้านสำเร็จรูปเหมาะกับใคร
- เหมาะกับผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้ว เพราะตัวบ้านต้องนำไปวางไว้บนที่ดิน ๆ นึง โดยจะต้องมีการปรับหน้าดินไว้ก่อน และเพื่อความแข็งแรงมั่นคง ควรมีการลงเสาเข็มด้วย บ้านจัดสรร
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการเข้าอยู่อาศัย จากการสร้างบ้านแบบปกติที่ต้องใช้เวลา 6 เดือน บ้านน็อคดาวน์ อาจจะเหลือเพียงแค่ 1-2 เดือน
- เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท บางเจ้าอาจจะราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท แล้วแต่ฟังก์ชันการใช้งานของบ้าน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการต่อเติมบ้านหลังเล็กในที่ดินของตัวเอง เช่น ทำเรือนรับรอง, ทำห้องนั่งเล่น เป็นต้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจรีสอร์ท สามารถใช้บ้านน็อคดาวน์เป็นที่พักให้เช่ารายวันได้ ซึ่งสมัยนี้ ก็นิยมทำกันเยอะเลยทีเดียว
- เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการต่อเติมบ้านเพิ่มเติมในอนาคต เพราะไม่สามารถทำได้กับบ้านสำเร็จรูป
- เหมาะกับผู้ที่มีจำนวนสมาชิกในครอบครัวน้อย เพราะบ้านสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก
แบบสำเร็จรูป บ้านที่มาพร้อมความสุข
ในยุคนี้ “บ้าน” มีรูปแบบให้เลือกได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาสส์ ทาวน์โฮม หรือที่อยู่อาศัยแนวตั้งอย่างคอนโดมิเนียม ซึ่งส่วนใหญ่วิธีการก่อสร้างก็จะคล้าย ๆ กัน คือวางรากฐานบ้านลงเสาเข็ม คานคอดิน ฯลฯ ตัวบ้านก่ออิฐฉาบปูนติดกับพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันยังมีการพัฒนาบ้านทางเลือกอื่น ๆ เช่น บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านสำเร็จรูป ซึ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ต้องการความรวดเร็ว และมีราคาประหยัด เนื่องจากมักจะไม่วางระะบบฐานรากที่ยุ่งยาก ซึ่งมีข้อเสียคือให้ความรู้สึกไม่มั่นคง แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นจนบ้านสำเร็จรูปเป็นที่อยู่อาศัยที่แข็งแรงและถาวรได้แล้ว
บ้านสำเร็จรูปโมเดิร์น สร้างอย่างสอดคล้องกับบริบท ไม่ว่าบ้านรูปแบบใด ในภูมิภาคใดก็ต้องสร้างบ้านให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ที่แตกต่างกัน บ้านนี้ก็เช่นกัน สถาปนิกออกแบบโดยปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชิลี และให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด จึงเลือกใช้โครงสร้างเหล็กและไม้ผสานเข้าด้วยกัน ผนังบางส่วนเป็นกระจก ออกแบบโครงสร้างให้มีความเหนียวและยืดหยุ่นเพียงพอในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว และเหมาะกับภูมิอากาศที่รุนแรงของประเทศ แม้รูปลักษณ์จะเรียบง่ายแต่มีความทนทาน และใช้งานได้อย่างประสิทธิภาพ
ตัวอาคารสร้างยกพื้นขึ้นสูงเหนือระดับพื้นดิน เพื่อให้มีลมพาดผ่านข้างใต้ บ้านไม่สะสมความชื้น รูปร่างบ้านเป็นสี่เหลี่ยมหลังคาแบนเป็นบ้านสำเร็จรูปสไตล์โมเดิร์น ใช้พื้นที่บนหลังคาเป็นดาดฟ้านั่งเล่นชมวิวได้ นอกจากพื้นที่ใช้งานภายในแล้ว ยังมีพื้นที่ระเบียงยื่นออกมาเป็นมุมนั่งเล่นเอาท์ดอร์ แขวนชิงช้ารังนกหวายสาน ดึงผู้อยู่อาศัยให้ออกมารับบรรยากาศสบายนอกตัวบ้านด้วย
ผนังของบ้านจะเห็นว่ากรุด้วยไม้สีดำ ซึ่งไม่ได้มาจากการทาสี แต่ใช้ภูมิปัญญาการรักษาเนื้อไม้ของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Shou Sugi Ban” โดยใช้เปลวไฟมาเผาผิวรอบนอกของไม้ให้ไหม้เกรียม เพื่อเปลี่ยนสภาพสารเคมีในเนื้อไม้ ที่ประกอบด้วยเซลลูโลส (Cellulose) ซึ่งเป็นอาหารของแมลงอย่างมอดปลวกและยังทำให้ไม้ติดไฟง่าย บ้านสไตล์ทรอปิคอลโมเดิร์น
เมื่อไม้ถูกเผาจะเหลือลิกนิน (Lignin) เป็นผนังเซลล์ในโครงสร้างของต้นไม้ซึ่งมีความทนทาน จึงเป็นฉนวนกันไฟไปโดยปริยาย ข้อดีอีกประการคือ เปลวไฟในการเผาไหม้ขจัดความชื้นในเนื้อไม้ ช่วยลดปัญหาการยืดหดตัวของไม้ เกิดลวดลายและพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์หลังจบกระบวนการเผา และช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 80 – 100 ปี
ภายนอกเข้มขรึม ภายในอุ่นสว่าง เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวบ้านจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศระหว่างภายนอกและภายใน จากภาพด้านนอกจะเห็นความเรียบเข้มคมชัด แต่ในบ้านกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากงานไม้ โต๊ะกลางไม้พาเลท งานผ้าพื้นเมือง เบาะรองนั่งทรงกลมสานจากเส้นใยธรรมชาติ การจัดบ้านโปร่ง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และมีเท่าที่จำเป็น ทำให้มีพื้นที่บ้านสัญจรสะดวกและปลอดภัยเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เป็นการตกแต่งแบบง่าย ๆ ที่ต้อนรับการกลับบ้านอย่างเป็นมิตร
ผนังรอบ บ้าน ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยกระจก แต่ภายในไม่ร้อนอย่างที่คิดเพราะใช้กระจกที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน และบริเวณผนัง หลังคา ยังติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่มีความหนาสูง ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์การระบายความร้อนของบ้านเพิ่มขึ้น ประตูกระจกบานสไลด์ที่เลื่อนออกได้กว้างช่วยสร้างสภาวะสบายภายในและลดการใช้พลังงานให้น้อยลง ในขณะที่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวจะทำให้บ้านอบอุ่น
มุมครัวประกอบด้วยชุดเครื่องครัว 2 station คือ เคาน์เตอร์ครัวและไอส์แลนด์ ออกแบบให้ขนาดกะทัดรัด เป็นครัวเบาไม่ใช้งานหนักมากแต่ครบฟังก์ชันที่จำเป็น ซึ่งออกแบบพอดีกับความต้องการใช้งาน ตกแต่งด้วยไม้ เพิ่มความเป็นบ้าน ห้องนอนยังคงคอนเซ็ปของการตกแต่งที่ใช้ไม้เป็นหลักกลบความแข็งกระด้างของเหล็ก
การใช้ไม้จริงเข้ามาปูพื้นห้องนอกจากเพิ่มสัมผัสอบอุ่นแล้ว ยังลดความรู้สึกกรอบกลวงไม่มั่นคงในขณะก้าวเดินของพื้นไม้จากวัสดุสังเคราะห์ลงด้วย ห้องน้ำตกแต่งโทนสีน้ำตาลเทา โทนสีกลาง ๆ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับงานไม้ ความน่ารักอยู่ที่ตู้วางอ่างล้างหน้าไม้ลายธรรมชาติสีอ่อนขนาดเล็ก ๆ การติดตั้งแบบลอยตัวทำให้ภาพรวมของห้องดูเบาลอยไม่ทึบตัน และทำความสะอาดง่าย
บ้านสำเร็จรูปเป็นการนำชิ้นส่วนที่ทำไว้แล้วไปประกอบหน้างาน จึงมีข้อดีที่ไม่รกบริเวณไซต์ วัสดุที่ใช้โดยมากเป็นโครงสร้างเหล็กที่ขนส่งง่าย แข็งแรง พื้นและผนังมักจะทำจากไม้สังเคราะห์เพื่อลดงบประมาณ แต่บ้านรุ่นใหม่ ๆ บางบริษัทเปลี่ยนมาใช้ไม้จริงและวิธีเข้าลิ้นเพื่อให้ความแข็งแรงรู้สึกมั่นคงเวลาเดิน ซึ่งทำให้สนนราคาก็แตกต่างกันไป ทั้งนี้เรื่องของวัสดุและวิธีการประกอบก็ต่างกันด้วย หากใครสนใจที่จะซื้อบ้านสำเร็จรูปก็ควรจะศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง