รูปต้นไม้สวยๆ ต้นไม้ราคาสูงที่ชอบปลูกประดับบ้านมากที่สุด
รูปต้นไม้สวยๆ ต้นไม้ราคาแพง คือ ต้นไม้ที่มีความสวยงาม และ เป็นต้นไม้ที่ถูกระบุว่าเป็นไม้มงคลนั่นเอง หรือเป็นต้นไม้ที่มีราคาสูงในตลาดค้าไม้นั้น รวมไปถึงกลุ่มของไม้ประดับขนาดเล็ก และ ขนาดกลาง ซึ่งบางสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ หรือสายพันธุ์ที่หาได้ยากในปัจจุบัน ยังมีทั้งไม้ดอก ไม้ใบ และ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ซึ่งราคาซื้อ บ้านจัดสรร
-ขายต้นไม้ราคาแพงเหล่านี้ มักจะมีตั้งแต่หลักพันบาทไปขึ้นไป จนถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าคุณกำลังสนใจไม้ประดับราคาแพงและต้นไม้ที่มีราคาสูงหลายสายพันธุ์ สามารถติดตามรายละเอียดได้จากภายในบทความนี้
ต้นไม้ราคาสูงที่ชอบปลูกประดับบ้านมากที่สุด
ต้นไม้ราคาแพงจะมีขายอยู่หลากหลายสายพันธุ์และหลายขนาด ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาต้นไม้มงคลหรือดอกไม้สวยที่กำลังได้รับความนิยมปลูกหรือเป็นต้นไม้ที่มีความแปลกใหม่ มีราคาสูง ลองมาดู 10 อันดับต้นไม้ที่แพงที่สุดในไทย ดังต่อไปนี้
1. ไม้พะยูง
ไม้พะยูงเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ราคาแพงที่ถูกขึ้นทะเบียนไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ปี พ.ศ. 2484 ที่จะมีสายพันธุ์ภายในประเทศไทยมากถึง 158 ชนิด โดยเป็นไม้ที่สามารถนำไปก่อสร้างเป็นบ้านเรือนได้ แต่จะต้องได้การยอมรับจากทางการแล้วเท่านั้น ซึ่งจะเป็นไม้ที่สามารถปลูกบ้านและทำประโยชน์ต่าง ๆ ภายในประเทศเท่านั้น ห้ามทำการส่งออกเด็ดขาด
เป็นไม้หวงห้ามที่การนำมาปลูกสร้างบ้านหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย จะต้องผ่านการตรวจสอบและการอนุญาตจากทางการแล้วเท่านั้น ไม้พะยูงนั้นมีชื่อสามัญว่า Siamese Rosewood มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย, พม่า, กัมพูชา, เวียดนาม และลาว ปลูกแล้วขึ้นได้ดีในป่าแบบดิบแล้งและป่าเบญจพรรณร้อนชื้น สำหรับประเทศไทยแล้วไม้พะยูงถือว่าเป็นหนึ่งในไม้มงคลชั้นสูงสำหรับการวางศิลาฤกษ์หรือการวางเสาเอกของบ้าน
ด้วยคุณสมบัติของเนื้อไม้ที่มีลายสวย มีความแข็งแรงทนทาน เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียวมากและขึ้นเงาได้ดี เพราะจะมีน้ำมันภายในตัวไม้
จึงทำให้คนไทยนิยมนำไปสร้างเป็นบ้านทรงไทยพร้อมการนำไปแกะสลักเป็นเครื่องมือต่าง ๆ รวมไปถึงการทำเป็นเครื่องดนตรีที่จะให้เสียงดีและให้ความแข็งแรงเป็นอย่างมาก และด้วยความที่ไม้พะยูงมีราคาแพงติดอันดับต้นไม้ราคาแพงของโลก
จึงทำให้เกิดการลักลอบตัดไม้พะยูงกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งอายุยาวนานและมีลำต้นใหญ่ราคาก็ยิ่งสูงมาก การซื้อ-ขายนั้นสูงยิ่งกว่าไม้สักทอง
ถ้าไม้พะยูงนั้น มีอายุมาเกือบร้อยปี และ ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งจะราคาสูงถึงลูกบาศก์เมตรละ 500,000 บาทขึ้นไป ซึ่งไม้พะยูงที่ถูกปลูกมาอย่างดี และ มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ก็จะสามารถให้ราคาประเมินได้สูงถึงลูกบาศก์เมตรละ 200,000 บาทเลยทีเดียว
2. ว่านเพชรหึง
แม้จะชื่อว่าว่านเพชรหึงแต่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มสายพันธุ์กล้วยไม้ที่ถือว่าหายาก เป็นต้นไม้ราคาแพงและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
โดยจะมีดอกออกสีเหลือง-เขียวอ่อน และ จะมีลวดลายที่เป็นจุดสีน้ำตาลอันโดดเด่น ถือว่าเป็นไม้พันธุ์ และ ไม้ประดับในราคาที่แพงเหมือนกัน เนื่องมาจากการปลูกค่อนข้างจะยาก ความสูงของว่านเพชรหึงนั้น เพียงแค่ 1 เมตร จึงมีราคาพุ่งทะลุไปถึง 3 หมื่นบาทขึ้นไป กันเลย invest in phuket property
การขายแยกกอขนาดเล็กเพื่อนำไปปลูกเองราคาตั้งแต่ 400 บาทขึ้นไป ราคาจะขึ้นอยู่กับลักษณะของต้นและการเจริญเติบโต ซึ่งว่านเพชรหึงนั้นจะถือว่าเป็นต้นไม้ราคาแพงในกลุ่มกล้วยไม้สายพันธุ์ที่เพาะยากมากที่สุดและเจริญเติบโตได้ค่อนข้างยาก
รวมไปถึงการให้ดอกจะให้เพียงแค่ปีละครั้งและดอกจะออกนานกว่า 3 เดือนแล้วร่วงโรยไป จึงถือว่าเป็นหนึ่งในไม้ประดับราคาแพงมากและต้องมีการดูแลอย่างระมัดระวังอีกด้วย
3. จันทน์ผา
ต้นจันผาเป็นต้นไม้ราคาแพงในกลุ่มไม้ประดับที่ให้ความสวยงามและเป็นไม้ที่มีขนาดกลางที่ปลูกภายในกระถางได้ ส่วนมากแล้วจะนิยมนำมาประดับสวนภายในบ้านหรือภายในอาคารต่าง ๆ จะเป็นไม้ยืนต้นที่จะมีลำต้นกลมและค่อนข้างหนา พร้อมการแตกกิ่งออกมาเป็นจำนวนมาก จะมีใบอยู่ด้านบนสุดของกิ่งแล้วโตออกเป็นพุ่ม
นอกจากจะให้ความสดชื่นด้วยใบสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อนแล้ว ยังดูแลรักษาได้ง่ายเพราะจะเติบโตในพื้นที่แล้งได้ดี ใบมีความเรียวยาว ปลายแหลม โดยจะมีลักษณะคล้ายกับหอก ผู้คนส่วนใหญ่จะปลูกไว้ที่สวนหน้าบ้านเพราะเป็นไม้มงคล โดยจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมาจากต้นในยามเช้าและยามเย็น เมื่อนำไปตั้งหน้าบ้านจะทำให้ผู้ที่เดินไป-มา หรือผู้ที่อยู่ในบ้านได้รับกลิ่นหอมสบายใจนี้และเพิ่มความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ส่วนความเชื่อ ในโบราณนั้นมองว่า การปลูกต้นจันผาให้มีใบที่เรียวเล็กคล้ายดาบ หรือหอก จึงช่วยป้องกันภัย และ ป้องกันศัตรูได้ดี และยังสามารถออกดอกได้ ซึ่งถ้าใครปลูกจนมีดอกเชื่อว่าจะให้โชคลาภ และ ยังดึงดูดแต่พลังงานด้านบวกกับสิ่งที่ดีอีกด้วย จึงเป็นหนึ่งในต้นไม้ราคาแพง ที่ได้รับความนิยมนำมาปลูกภายในบ้านเรือนกันเป็นจำนวนมาก จันผามีสรรพคุณด้านการเป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาได้หลายโรค โดยจะมีชื่อสามัญว่า Dracaena Cochinchinensis ซึ่งจะมีชื่อค่อนข้างคล้ายกับ ต้นวาสนาเพราะเป็นวงศ์เดียวกันและถูกจัดให้อยู่ในวงศ์ของแอสพารากัสหรือหน่อไม้ฝรั่งอีกด้วย
ในส่วนความสูงของต้นจันผานั้นอาจมีได้มากถึง 17 เมตรในต้นโตเต็มที่ แต่สำหรับการปลูกไว้ในบ้านจะนิยมความสูง 1.5-4 เมตร สำหรับต้นที่สูงประมาณ 1 เมตรขึ้นไปและเป็นไม้ประดับราคาแพงปลูกในกระถาง ราคาจะเริ่มต้นที่ต้นละ 500-1,000 บาท
แต่ถ้าเป็นจันผาแบบพิเศษอย่างจันผาด่างหรือจันผามงคล ราคาต้นไม้ราคาแพงชนิดนี้อาจจะสูงตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ส่วนต้นที่สูงใหญ่และอยู่มานานหรือเป็นสายพันธุ์ที่หายากจะราคาหลักแสนบาทขึ้นไป
4. ต้นมอนสเตอร่า
มอนสเตอร่านั้น เป็นต้นไม้ราคาแพงที่ถูกนำมาทำเป็นไม้ประดับ ที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบันนี้ เพราะสามารถปลูกในกระถางแล้ววางไว้ภายในห้องรับแขกหรือการปลูกไว้ภายในคอนโดได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง โดยจะมีให้เลือกนำมาปลูกมากถึง 50 สายพันธุ์ด้วยกัน สำหรับราคานั้นก็ถือว่าแรงพอสมควร เพราะต้นไม้ราคาแพงอย่างเช่น มอนสเตอร่า มีประโยชน์ต่อสำหรับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านด้วย ต้นจะให้ใบสีเขียวสด จึงทำให้รู้สึกสบายตาพร้อมให้ออกซิเจนที่ดีภายในบ้าน ใบจะมีขนาดใหญ่ และ เป็นลวดลาย พร้อมให้ความเงางามเหมือนดั่งต้นไม้ปลอมกันเลยทีเดียว
ถือว่าเป็นหนึ่งในต้นไม้ราคาแพงที่ปลูกแทนดอกไม้ได้เป็นอย่างดี ทำให้บ้านหรือคอนโดสไตล์โมเดิร์น และแต่งบ้านสไตล์มินิมอล
มีความสดชื่นขึ้นทันที ทั้งยังเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ต้นขนาดเล็กก็จะมีราคาตั้งแต่ 300-1,000 บาท แต่ถ้าเป็น ต้นมอนสเตอร่าด่าง หรือเป็นสายพันธุ์พิเศษนั้น จะเป็นต้นไม้ราคาแพงมีราคาตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นบาท นั่นเอง
จึงถือว่าเหมาะสมกับฉายาแห่งราชินีใบไม้เป็นอย่างมากนั่นเอง ความพิเศษของ ต้นมอนสเตอร่านั้น คือ การเพิ่มออกซิเจนภายในที่อยู่อาศัย, ดูดซับกลิ่น, ดูดซับความชื้น และยังสามารถดูดซับ สารพิษภายในบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย พร้อมให้ความรู้สึกที่สดชื่นได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะตั้งตรงมุมใดของบ้านภายในกระถางสุดเก๋ก็ให้ความสวยงาม และ สบายตาได้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นต้นมอนสเตอร่า จึงเป็นได้ทั้งไม้ประดับ ต้นไม้ราคาแพงและของตกแต่งบ้านที่โดดเด่นกันเลยทีเดียวเชียว
5. โชคเก้าชั้นด่าง
ต้นโชคเก้าชั้นเป็นหนึ่งในกลุ่ม ของไม้มงคล และ เป็นต้นไม้ราคาแพงที่คนไทยที่ นิยมปลูกเป็นอย่างมาก ซึ่งโชคเก้าชั้นนั้นคือต้นใบหน้าวัวที่ถือว่าเป็นไม้ประดับราคาแพงแบบโชว์ใบ เพราะดอกจะออกมาเป็นแท่งสีน้ำตาลและออกมาเป็นช่อที่ขึ้นกลางลำต้น แต่สำหรับความเด่นจะอยู่ที่ใบขนาดใหญ่ขึ้นซ้อนกันเป็น 9 ชั้น
ความเชื่อโบราณมองว่าโชคเก้าชั้นเป็นไม้ที่สามารถดึงดูดโชคลาภและความโชคดี รวมไปถึงความมั่งมีและทรัพย์สินได้ จะมีแหล่งกำเนิดมาจากทางทวีปอเมริกากลาง ต้นไม้ราคาแพงชนิดนี้จะมีลักษณะขึ้นเป็นพุ่มและเป็นการแทงก้านขึ้นจากดินและกลายเป็นใบขนาดใหญ่ 1 ใบต่อ 1 ก้าน
ต้นไม้ดังกล่าวมีคุณสมบัติที่นอกเหนือจากความเป็นพืชมงคล คือ เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับราคาแพงภายในบ้านจะช่วยดูดซับความชื้นภายในอากาศและดูดซับสารพิษภายในบ้านได้ดี จึงเป็นอีกหนึ่งไม้ประดับฟอกอากาศ ที่คนยุคนี้นิยมปลูกเป็นอย่างมาก ซึ่งโชคเก้าชั้นจะมีด้วยกันหลายสายพันธุ์
แต่หนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและเป็นต้นไม้ราคาแพงที่สุด คือ โชคเก้าชั้นด่างที่จะต่างไปจากโชคเก้าชั้นปกติตรงที่ใบจะออกเป็นสีด่าง โดยจะเป็นการสลับสีเขียว สีเขียวอ่อน และสีครีมใน 1 ใบ พร้อมขอบใบที่จะออกเป็นใบหยักและเป็นการขึ้นใบซ้อนกัน 9 ชั้น
ราคาของต้นไม้ราคาแพงอย่างโชคเก้าชั้นด่างขนาดกลางจะพุ่งสูงถึงต้นละ 5,000 บาทขึ้นไป ยิ่งมีสีและลายที่แปลกราคาก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น
6. ไม้สักทอง
สำหรับไม้สักทองนั้นถือว่าเป็นต้นไม้ราคาแพงที่มีมูลค่าสูงมากภายในประเทศไทย เป็นไม้ที่ถูกขึ้นทะเบียนเพราะเป็นไม้หายากและเป็นไม้โบราณที่จะต้องมีการซื้อ-ขายกันอย่างถูกต้อง โดยไม้สักทองนั้นจะให้เนื้อไม้ที่มีลวดลายสวยงาม
ออกเป็นเนื้อไม้สีน้ำตาลออกเหลืองทองและมีความแข็งแกร่งสูง ดังนั้นราคาจึงสูงตามไปด้วย ยิ่งไม้สักทองยืนต้นอยู่ได้นานมากเท่าไหร่ราคาก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น แต่ต้นไม้ราคาแพงอย่างไม้สักทองที่ใช้เพื่อสร้างบ้านในปัจจุบันมักจะเป็นไม้ที่ถูกปลูกเพื่อการขายโดยเฉพาะ
ส่วนอายุของไม้ที่ควรนำมาสร้างบ้านจะต้องไม่น้อยไปกว่า 15 ปีขึ้นไป เพราะในอายุช่วงนี้จะทำให้เนื้อไม้มีความแข็งแรงมากพอที่จะรองรับน้ำหนักและนำมาทำเป็นส่วนต่าง ๆ ของบ้านได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งการจะซื้อไม้สักทองนั้นจะถูกประเมินราคาตามอายุ เช่น ถ้าอายุไม้สักทองอยู่ที่ 5-10 ปี ราคาจะอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 1,000 บาท, ไม้สักทองอายุตั้งแต่ 16-20 ปี จะอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 3,000 บาท,
ไม้สักทองที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป จะอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 12,000 บาท และไม้สักทองอายุ 50 ปีขึ้นไป ราคาประเมินจะอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 25,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าสูงมากในกลุ่มของไม้ที่ถูกซื้อ-ขายกันในตลาดต้นไม้ราคาแพง
ดังนั้นการสร้างบ้าน 1 หลังในพื้นที่ประมาณ 300 กว่าตารางวา ที่ไม่ว่าจะเป็นบ้านชั้นเดียวหรือบ้าน 2 ชั้น ไม้สักทองจะมีราคาสูงถึง 6-7 ล้านบาทเลยทีเดียว
7. ไม้ชิงชัน
ไม้ชิงชันหรือประดู่ชิงชัน เป็นหนึ่งในต้นไม้ราคาแพงในกลุ่มตระกูลของต้นประดู่ โดยมีชื่อสามัญว่า Burma rosewood ที่จะเป็นหนึ่งในไม้อนุวงศ์ของประดู่ จะมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลาว และพม่า นอกจากนี้ยังมีการนำไปปลูกในประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซียอีกด้วย ต้นไม้ราคาแพงอย่างไม้ชิงชันมีจุดเด่นในเรื่องของเนื้อไม้ลายสวยและมีแก่นที่ให้รายละเอียดไม้เด่นชัด พร้อมความแข็งแรงและทนทานสูงเช่นกัน จึงถูกนำไปทำเป็นบ้านเรือน เครื่องมือ เครื่องใช้ และการแกะสลักให้เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ
เพื่อเพิ่มความสวยงามมากขึ้น โดยไม้ชิงชันนั้นจะมีลักษณะเป็นไม้ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ จะสูงได้ถึง 25 เมตร เนื้อไม้จะออกเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่เมื่อกะเทาะเปลือกออกเนื้อไม้ด้านในจะออกเป็นสีเหลืองสวย
แก่นไม้จะออกเป็นสีม่วงและมีลายเส้นภายในที่สวยงาม ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในต้นไม้ราคาแพงและไม้หายากที่ขึ้นทะเบียนไม้สงวนของกรมป่าไม้
ดังนั้นการจะซื้อเพื่อสร้างบ้านหรือนำไปทำเป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในบ้านจะต้องได้รับการอนุญาตจากทางการมาก่อน
นอกจากนี้ ไม้ชิงชันยังมีจุดเด่นในเรื่องของความหนาแน่นเนื้อไม้ที่สูงมาก จึงสามารถที่จะนำมาทำเป็นเสาบ้าน, ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ภายในบ้าน หรือแม้แต่เครื่องมือการเกษตร รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่จะให้ลวดลายสวยงามและให้ความแข็งแรง จึงอยู่ได้ยาวนานเป็นสิบปี จึงถือว่าเป็นไม้มีค่า ต้นที่เติบโตภายในธรรมชาติจึงลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะถูกลักลอบตัดด้วยเช่นกัน จากเหตุผลเหล่านี้จึงต้องมีการขออนุญาตก่อนการนำไปใช้งานในด้านใด ๆ ก็ตามจากกรมป่าไม้ ส่วนราคาของไม้ชิงชันนั้นสูงไม่แพ้กับไม้พยุงที่การใช้งานต่อลูกบาศก์เมตรละหลักแสน โดยราคาจะขึ้นอยู่กับอายุและลวดลายของเนื้อไม้
บทความอื่นที่น่าสนใจ จัดสวนข้างบ้าน